วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

อันดับ 10 สุสานมัมมี่ ปานาโม อิตาลี (LAS CATACUMBAS DE LOS CAPUCCINOS)


เป็น สุสานใต้ดินเก่าแก่ตั้งอยู่ในใต้อารามนักบวชคาปูชิน แห่งโบสถ์ฟรานซิสกัน ของคริสต์ศาสนานิกายคาทอลิก ที่เมืองปาร์เลอโม (PARLEMO) เกาะซิซิลี ที่นี้มีซากมัมมี่กองเต็มไปหมด จะเป็นชุมชนแออัดอยู่แล้ว ถึงขนาดที่บางศพที่มาทีหลัง ไม่มีที่ให้ยืนสบายๆ ต้องถูกแขวนไว้กับตะขอ บนผนังโน่น และถ้าเดินเข้าไปก็จะเจอแต่ศพนั่ง.....นอน...... ยืน...... และเดิน เอ๊ย เดินไม่มี บางตัวละยังคงสวมเครื่องแต่งกายเหมือนเมื่อครั้งยังมีชีวิตด้วย มีมัมมี่เด็กด้วยนะ เป็นผู้หญิงอายุ 8 ขวบชื่อโรซาเลีย ลอมบาร์โด (ROSALIA LOMBARDO) ที่ดองไว้70 - 80 ปีแล้วด้วย หน้าตายังน่ารักเหมือนคนนอนหลับเลย สถานที่นี้เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยว(จะมีคนไปเหรอ) จำกัดเวลาครับ อยากไปร้องถามไถ่ดูละกัน

อันดับ 9 อุโมงค์ที่ฝรั่งเศส กรุงปารีส (Pont de L’Alma)


สถาน ที่เจ้าหญิงไดอาน่าประสบอุบัติเหตุอุบัติเหตุรถคว่ำ สิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 2540 และยังคงเป็นปริศนาค้างคาใจคนทั้งโลกว่าอุบัติเหตุหรือ ถูกฆาตกรรม เพราะในคืนที่เกิดโศกนาฏกรรม มีการเปลี่ยนเส้นทางรถยนต์ไปยังอุโมงค์ Pont de L’Alma อย่างไม่มีเหตุผล ทั้งๆ ที่จุดหมายเดิม คือการเดินทางไปยังอพาร์ตเมนต์ของฝ่ายชาย และทำไมวิทยุสื่อสารของตำรวจในกรุงปารีส ไม่สามารถใช้การได้โดยไม่ทราบสาเหตุ ขณะที่รถยนต์พระที่นั่งของเจ้าหญิงเดินทางเข้าสู่อุโมงค์ จนเกิดเหตุร้ายและไม่สามารถติดต่อสื่อสารเพื่อขอรับการช่วยเหลือเพื่อรักษา พระชนม์ชีพของพระองค์ได้อย่างทันท่วงที
เป็นความบังเอิญจริงหรือ? ใครๆ ที่ไปเที่ยวที่อุโมค์ฝรั่งเศสแล้ว ใครๆ ก็ว่าบรรยากาศมันน่ากลัว

อันดับ 8  (Colorado Rockies)


ที่ สยองคือภูเขานี้เกิดคดีฆาตกรรมขึ้น เป็นเรื่องของมนุษย์กินคน ที่ไม่ใช่คนป่า ปี 1874 ในฤดูหนาวที่อากาศหนาวจัด คณะนักสำรวจหกคนได้ขุดอุโมงค์ในหุบเขาโคโลราโด ต่อมาอุโมงค์เกิดถล่ม การสื่อสารถูกตัดขาดจากโลกภายนอก และต่อมา ฤดูใบไม้ผลิมีเพียงคนเดียวที่มีชีวิตรอดกลับมาจากหุบเขาโคโลราโด อยู่ในสภาพสมบูรณ์แข็งแรงดี เขาคนนี้มีนามว่าอัลเฟร์ด แพคเกอร์ และเมื่อเขาออกมาก็ถูกจับเนื่องจากถูกกล่าวหาว่ากินเพื่อนของเขาสองคนเพื่อ มีชีวิตรอดเพราะอาหารหมดและเพื่อนก็ตายไปทีละคนทีละคน เขาเลยอดใจไม่ไหวกินเป็นอาหารเสียเลย ถ้าคุณอยากลองเป็นหรืออยาก รู้ว่ายังไงกับมนุษย์กินคนเป็นยังไง เทือกเขาร็อกกี้ก็พร้อมต้อนรับท่านไปเป็นมนุษย์กินคนอย่างยิ่งด้วยความหนาว และความตาย

อันดับ 7 หมู่เกาะปาปัวนิวกินี (Papua New Guinea)


ปาปัว นิวกินีเป็นเกาะอยู่ทางเหนือ ของทวีปออสเตรเลีย ประกอบด้วยชนเผ่าต่างๆมากกว่า 700 เผ่า แต่ละเผ่าต่างคนต่างอยู่ การเดินทางไปมาหาสู่กันลำบากมาก เพราะพื้นที่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน และใครอยากเห็นมนุษย์กินคนก็ต้องเข้าไปลึกหน่อยนะ โชคดีอาจไปทันตอนคืนพิธีเฉลิมฉลองชัยชนะ และกินซุปเนื้อมนุษย์ วิธีปรุงอาหารรายการนี้ง่ายมาก นำน้ำใส่หม้อดินขนาดใหญ่ต้มให้เดือด บั่นศพมนุษย์ที่ตายทั้งสองฝ่ายให้มีขนาดที่จะใส่ในหม้อนั้นได้ใส่ลงในหม้อ นำผักชนิดต่างๆ รวมทั้งมันและเผือกใส่รวมลงไปด้วย ต้มจนสุกและเปื่อยดีแล้วก็ตักออกมากินกัน ส่วนคนที่ยังไม่ตายก็มัดไว้ก่อนและค่อยๆ ฆ่าให้ตาย นำมาปรุงเป็นอาหาร กินเลี้ยงกันในคืนต่อๆ มารองเท้าหนัง ถุงเท้า ตลอดจน เสื้อผ้าก็ถูกนำมาต้มจนเปื่อย และกินจนหมดสิ้นเช่นเดียวกัน สำหรับหัวกะโหลกเก็บไว้ เป็นเครื่องประดับตามบ้านเรือนสวยงามมาก แต่ปัจจุบันใครไปอาจอดเจอซุปเนื้อคนเพราะตอนนี้เขาเลิกแล้วเพราะกฎหมายออกมาว่าห้ามกินเนื้อคนไม่ว่าศัตรูหรือนักท่องเที่ยว! แฮ่

อันดับ 6 โรงงานนรก “ค่ายเอาชวิตซ์” (Auschwitz)


สยอง ที่สุด ในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กับ “ค่ายเอาชวิตซ์” (Auschwitz)ที่ใกล้เมืองเอาชวิตซิน โดยค่ายนี้สร้างขึ้นเพื่อสังหารชาวยิวด้วย การรมแก๊สพิษและเผาในเตาเผา โดยมีเหยื่อที่โดนถึง 1 ล้านสองแสนคน จากที่ต่างๆ ทั่วยุโรป จํานวน 22 ล้านคน ไปที่ค่าย โดยขนไปทางรถยนต์ รถไฟ และเรือเดินสมุทร และปัจจุบันสภาพยังเหมือนเดิมทุกประการไม่ว่าเตารมแก๊ส เตาเผา ค่ายพัก คุก มีกลิ่นแห่งความตายติดมาด้วย พร้อมกับความวังเวง เมื่อท่านไปก็อาจเจอผีชาวยิวที่ไม่ไปเกิดอีก ได้สองเด้ง ปัจจุบัน เอาชวิตซ์เป็นจุดท่องเที่ยวที่สำคัญ และมีนักท่องเที่ยวสนใจมากที่สุด แห่งหนึ่งของ โปแลนด์ ซึ่งพยายามรักษาสภาพ เอาชวิตซ์ให้ใกล้เคียง สภาพเดิมให้มากที่สุด

อันดับ 5 ปอมเปอี (Pompei)


ปอมเปอีเมืองเก่า สมัยกลาง ตั้งอยู่บริเวณภาคใต้ของคาบสมุทรอิตาลี ริมอ่าวเนเปิล เมืองนี้เป็นชุมชนขึ้นมาก่อนคริสต์ศักราช โดยอยู่ใต้อิทธิพลของกรีก ต่อมาราว 80 ปีก่อนคริสตกาลกลายเป็นเมืองตากอากาศฤดูร้อนของชาวโรมันหลังตกเป็นอาณานิคม ของอาณาจักรโรมัน กระทั่ง ถูกภูเขาไฟระเบิดถล่มทั้งเมือง ตอนนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สยองขวัญมาก เค้าหล่อรูปคนตายในท่าที่ถูกลาวาทับไว้ ก็เลยเป็นสถานที่แสดงท่าหนีตายของชาวเมืองไปเพราะวปอมเปเอียนและสัตว์เลี้ยง แข็งเป็นหินคงสภาพเกือบทุกประการ รวมถึงความหวาดกลัวต่อความตายที่ยังตราติดอยู่บนดวงหน้า บางซากนั่งเอามือปิดหน้า บางซากซบอยู่กับกำแพง ปอมเปอีจึงได้อีกชื่อว่า "ซากเมืองแห่งความตาย" ปัจจุบันเมืองโบราณปอมเปอีได้รับการฟื้นฟู องค์การยูเนสโก้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1997

อันดับ 4 คุก และหอคอยลอนดอน (Tower of London)


หอคอย ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ประเทศอังกฤษ สถานที่เกิดเหตุแห่งประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ยาวนานกว่า 900 ปี นองเลือด ซับซ้อนซ่อนเงื่อน เคยเป็นป้อมปราการ, ปราสาทราชวัง, คุก แดนประหาร เป็นสถานที่ตัดหัวของแอนน์ โบลีน พระสนมในพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 ที่ทุกวันนี้วันดีคืนดียังมีคนเห็นแอนน์ โบลีนถือหัวและร้องครวญอย่างทรมาน ไม่รวมกับอีกหลายวิญญาณที่ทนทุกข์ทรมานอยู่ในหอคอยแห่งนี้ซึ่งมักจะส่งเสียง ร้องขอชีวิต หรือเสียงลากโซ่ตรวนให้ผู้คนได้ยินและปรากฎให้เห็นเป็นระยะๆ จึงทำให้ที่นี่ยังคงโด่งดังเรื่องความหลอนตลอดกาล ปัจจุบันหอคอย ลอนดอนเป็นพิพิธภัณฑ์ซึ่งเป็นกลุ่มอาคารและหอคอยหลายหลัง ที่เก็บเครื่องมือทรมานและเครื่องมือประหารนักโทษแบบโหดๆ ของยุคกลาง และมีอีกาดำด้วย ดูแล้วก็น่ากลัวจริงๆแหละ

อันดับ 3 ปราสาทของวลาด ดารคู ทรานซิลวาเนีย โรมาเนีย


ปราสาท ที่เป็นแหล่งที่มาของนิยายผีดูดเลือด แดรกคิวล่า ที่ว่าน่ากลัวคือเจ้าชายจอมเสียบ วลาด ดารคูลา ผู้เป็นเจ้าของปราสาท แกชอบเอาจับเอาเหล่าเชลยมาเสียบด้วยไม้แหลมจากก้น จนทะลุขึ้นไปซีกบน แล้วก็เอามานั่งเรียงรายกันไปในบริเวณกว้างๆ เช่นกำแพงเมือง หรือ สนามหญ้าใหญ่ๆ วันไหนครึ้มอกครึ้มใจ เขาก็จะนั่งดินเนอร์ดูการประหารด้วยวิธีนี้เสียตรงนั้นเลย .....อืมอร่อย ส่วนปราสาท ปัจจุบันยังอยู่ครับ แต่...........มันทำไมอยู่สูงจัง ใครจะไปก็อดทนหน่อยล่ะ ปีนขึ้นไปดูเอง (ล้อเล่น เขาทำบันไดให้ปีนแล้วจ้า)

อันดับ 2 อัลคาแทรซ, ซานฟรานซิสโก (Alcatraz)


นี่ คือคุกที่มีชื่อเสียงที่สุดของอเมริกา อัลคาแทรซ (Alcatraz) สถานที่คุมขัง อัลคาโปน เจ้าพ่อชื่อดัง และภายในคุกสยอง วังเวงจริงๆ และได้ฉายาว่าเดอะร็อกเป็นคุกที่ไม่มีใครแหกสำเร็จ ถึงแม้จะมีนักโทษพยายามใช้ของชิ้นเล็กๆ ตัดซี่กรงเหล็กและแอบว่ายน้ำหนีออกไป แต่ก็ไม่ปรากฏว่าเขามีชีวิตรอดไปได้ นักโทษหลายคนตายในห้องขังที่นี่ ส่วนหนึ่งตายเพราะบาดแผลติดเชื้อ และนี่เองเป็นที่มาของเสียงประหลาดมากมาย เช่น เสียงตัดเหล็ก เสียงปิดประตูห้องขัง เสียงหวีดร้องจากใต้ดิน และความรู้สึกถูกจ้องมอง ปัจจุบันคุกนี้เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว สามารถค้างคืนได้ด้วยนะจะบอกให้

อันดับ 1 อนุสรณ์สถานแห่งคิลลิ่ง ฟิลด์ (Killing Field)


ใคร จะว่าไงไม่รู้ แต่ผมยกให้สถานที่นี้คือสุดยอดที่สุดแล้ว เพราะมันอยู่ใกล้บ้านเรา กัมพูชาเองจ้า เลิกซะทีเถอะข้ามพรมแดนไปเล่นการพนัน หันมารู้ประวัติศาสตร์ที่แสนโหดร้ายกันบ้างกับ โดยสถานที่นี้เป็นอนุสรณ์รำลึกความโหดร้ายในยุคเขมรแดงที่นำโดยเฮียพอลพต ที่สั่งฆ่าชาวเขมรนับล้าน ศพมากมายนับไม่ถ้วน จนกลายเป็นกะโหลกไร้ญาติ(ไม่สามารถระบุได้ว่าคนตายเป็นใคร) ได้ถูกนำมารวมไว้ที่นี้ และมีรูปผู้ตายที่นับล้านให้ดูไว้ให้สงสาร คืนดีคืนดีบางคืนอาจได้ยินเสียงกะโหลกร้องระงม ฟังแล้วได้บรรยากาศมาก อีกที่ก็ ตุล สาเลช คุกเถื่อนซึ่งในอดีตเป็นโรงเรียนมัธยม ที่นั้นมีคนมาถูกฆ่าไม่เว้นวันและบางรายถูกนำมาทรมานเยี่ยงสัตว์ ก่อนตายอย่างสยอง

ที่มา : http://10อันดับ.blogspot.com/2009/07/10_22.html

ขอแนะนำ 10 อันดับเมืองที่ไม่น่าอยู่ที่สุดในโลกกันบ้าง ไปดูกันเลยว่ามีเมืองไหนบ้าง


อันดับ 10 เมืองปอร์โตแปรงซ์ สาธารณรัฐเฮติ


ปอร์โตแปรงซ์ เป็นเมืองหลวงของประเทศเฮติ มีประชากรอาศัยอยู่ราว 2.5-3 ล้านคน ในจำนวนนี้มีไม่น้อยที่อยู่กันอย่างแออัดในพื้นที่สลัม แม้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองของที่นี่จะยังไม่ค่อยสงบนัก แต่ปอร์โตแปรงซ์ ยังคงมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปเยี่ยมเยือนเป็นระยะๆ
หมายเหตุ - สาธารณรัฐเฮติ เป็นประเทศหนึ่งในทวีปอเมริกาเหนือ ตั้งอยู่บนเกาะฮิสปันโยลาในทะเลแคริบเบียน และเป็นชาติที่ยากจนที่สุดในซีกโลกตะวันตก

อันดับ 9 เมืองกินชาซ่า สาธารณรัประชาธิปไตคองโก


กินชาซ่า เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก มีประชากรอาศัยอยู่ราว 8 ล้านคน เมื่อปีค.ศ. 2004 กินชาซ่า ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในเมืองอันตรายที่สุดในแอฟริกา เนื่องจากหลังสิ้นสุดสงครามคองโกครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ. 2003 (สงครามเริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ.1998-2003) อันเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตหลายล้านคน ประชาชนของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ก็ต้องเผชิญกับความทุกข์ยากลำบาก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เมืองกินชาซ่า มีอัตราการเกิดคดีอาชญากรรมสูงมาก คิดเป็นอัตราส่วนอาชญากร 112.3 คน ต่อประชากร 100,000 คน เลยทีเดียว
หมายเหตุ - คองโก เป็นชื่อดินแดนของสองประเทศในแอฟริกากลาง โดยมีแม่น้ำคองโกไหลผ่าน สองประเทศที่ว่านี้ก็คือ สาธารณรัฐคองโก (Republic of the Congo, ROC) และ สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (Democratic Republic of the Congo, DRC) - วิกิพีเดีย

อันดับ 8 เมืองนูแอกช็อต สาธารณรัฐอิสลามมอริเตเนีย


นูแอกช็อต เป็นเมืองหลวงและเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศมอริเตเนีย ตั้งอยู่บนฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก เดิมทีเป็นเมืองเล็กๆ ที่ประชาชนส่วนใหญ่มีอาชีพทำประมง แต่หลังจากปี ค.ศ. 1950 (พ.ศ. 2493)เป็นต้นมา เมืองดังกล่าวก็เริ่มแผ่ขยายอย่างรวดเร็ว และมีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบัน นูแอกช็อต มีประชาชนอาศัยอยู่เกือบ 9 แสนคน และในจำนวนนี้ มีไม่น้อยที่อพยพเข้ามาเพื่อหนีปัญหาความแห้งแล้ง
หมายเหตุ - มอริเตเนีย เป็นประเทศในแอฟริกาตะวันตกเฉียงเหนือ มีพรมแดนติดชายฝั่งบนมหาสมุทรแอตแลนติกทางทิศตะวันตก ทิศตะวันตกเฉียงใต้ติด ประเทศเซเนกัล ทิศตะวันออกติดประเทศมาลี ทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดประเทศแอลจีเรีย ส่วนทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดเวสเทิร์นสะฮารา - วิกิพีเดีย

อันดับ 7 เมือง Pointe Noire สาธารณรัฐ คองโก


Pointe Noire เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศคองโก ตั้งอยู่ท่ามกลางบริษัทผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในแอฟริกากลาง เมืองนี้มีสถิตินักท่องเที่ยวโดนทำร้ายและปล้นทรัพย์บ่อยครั้ง จนทางการต้องประกาศเตือนนักท่องเที่ยวให้ระวังโดนทำร้ายร่างกายเพื่อแย่งชิงรถและไม่ให้ออกมาเดินตามท้องถนนในยามค่ำคืนอย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้าไปยังเมืองนี้ก็คือ ชายหาดสวยๆ และเหมาะแก่การเล่นเซิร์ฟหลายแห่งนั่นเอง
หมายเหตุ - สาธารณรัฐ คองโก (Republic of the Congo: ROC) หรือ คองโก-บราซซาวิล เป็นคนละประเทศกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก มีอาณาเขตจรดประเทศกาบอง แคเมอรูน สาธารณรัฐแอฟริกากลาง สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก แองโกลา และอ่าวกินี - วิกิพีเดีย

อันดับ 6 เมืองซานา สาธารณรัฐเยเมน


ซานา เป็นเมืองหลวงของประเทศเยเมน มีประชากรอาศัยอยู่ราว 2 ล้านคนนอกจากตึกระฟ้าและอาคารบ้านเรือนที่ทันสมัยแล้ว เมืองนี้ยังเต็มไปด้วยโบราณสถานและสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่มากมาย องค์การยูเนสโกจึงประกาศให้เป็นมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ. 1986 (พ.ศ. 2529) แต่หลังเกิดเหตุการณ์ทำร้ายชาวต่างชาติ และระเบิดสถานทูตสหรัฐ เมื่อไม่นานมานี้ ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปในเมืองซานาน้อยมาก
หมายเหตุ - สาธารณรัฐ เยเมนตั้งอยู่ในคาบสมุทรอาหรับ ในภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ และเป็นส่วนหนึ่งของตะวันออกกลาง มีชายฝั่งจรดทะเลอาหรับและอ่าวเอเดนทางด้านทิศใต้ จรดทะเลแดงทางทิศตะวันตก มีพรมแดนทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือติดต่อกับโอมาน ส่วนพรมแดนด้านอื่น ๆ ติดกับซาอุดีอาระเบีย - วิกิพีเดีย

อันดับ 5 เมืองคาร์ทูม สาธารณรัฐซูดาน

คาร์ทูม เป็นเมืองหลวงของรัฐคาร์ทูมและประเทศซูดาน ตั้งอยู่บริเวณที่มีการบรรจบกันของแม่น้ำไวท์ไนล์ ซึ่งไหลมาจากทะเลสาบวิกตอเรีย และแม่น้ำบลูไนล์ที่ไหลมาจากประเทศเอธิโอเปีย ตัวเมืองมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 2,207,794 คน ปัจจุบัน ซูดานยังคงมีปัญหาความไม่สงบและมีการสู้รบกันภายในประเทศ เป็นเหตุให้มีประชาชนล้มตายเป็นจำนวนมาก
หมายเหตุ - ซูดาน เป็นประเทศที่มีพื้นที่มากที่สุดในทวีปแอฟริกา และมีพื้นที่มากเป็นอันดับที่ 10 ของโลก ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทวีป มีพรมแดนทางทิศเหนือติดกับประเทศอียิปต์ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดทะเลแดง ทิศตะวันออกติดกับเอริเทรียและเอธิโอเปีย ทิศตะวันออกเฉียงใต้ติดกับเคนยาและยูกันดา ทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดกับคองโกและสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ทิศตะวันตกติดกับประเทศชาด และทิศตะวันตกเฉียงเหนือติดกับลิเบีย ปัจจุบันซูดานกลายเป็นประเทศที่ขาดความมั่นคงตามดัชนีความเสี่ยงของการเป็น รัฐที่ล้มเหลว เพราะปกครองแบบเผด็จการทหารและมีการก่อสงครามในเขตดาร์ฟูร์ - วิกิพีเดีย

อันดับ 4 เมืองบราซซาวิล สาธารณรัฐคองโก


บราซซาวิล เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของ "สาธารณรัฐคองโก" มีประชากรอาศัยอยู่ราว 1 ล้านคน เมืองนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคองโก โดยมีกินชาซ่า เมืองหลวงของ "สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก" ตั้งอยู่ริมแม่น้ำฝั่งตรงกันข้ามบราซซาวิลถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1880 (พ.ศ. 2423) โดยนักสำรวจชาวยุโรปที่ชื่อ "ปิแอร์ เซเวอร์แกน เดอ บราซซา" อุตสาหกรรมหลักของเมืองนี้ คือ สิ่งทอ และการฟอกหนัง อย่างไรก็ตาม เมืองนี้มักเกิดปัญหาความขัดแย้งและมีเหตุการณ์นองเลือดบ่อยครั้ง นับตั้งแต่ยุคปี 90 เป็นต้นมา ทั้งความขัดแย้งระหว่างฝ่ายรัฐบาลและผู้ก่อการจราจล รวมถึงความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน เป็นเหตุให้มีประชาชนล้มตายเป็นจำนวนมาก จึงเกิดการอพยพโยกย้ายถิ่นฐานเพื่อหนีภัยสงครามในที่สุด

อันดับ 3 เมืองเอ็นจาเมนา สาธารณรัฐชาด (Chad)


เมืองเอ็นจาเมนา ถูกค้นพบโดยชาวฝรั่งเศส เมื่อปี ค.ศ. 1900 (พ.ศ. 2443) ปัจจุบัน เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดในประเทศชาด มีประชากรอาศัยมากกว่า 700,000 คน อันที่จริงเมืองนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามหลายแห่ง น่าเสียดายที่มักเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบและเกิดปัญหาการจราจลบ่อยครั้ง (เหตุการณ์นองเลือดครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว) ทำให้คิดอันดับเมืองไม่น่าอยู่เป็นอันดับ 3 ของโลก
หมายเหตุ -สาธารณรัฐ ชาด เป็นประเทศในแอฟริกากลางที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ทิศเหนือจรดประเทศลิเบีย ทิศตะวันออกจรดประเทศซูดาน ทิศใต้จดสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ทิศตะวันตกเฉียงใต้จรดประเทศแคเมอรูนและไนจีเรีย ส่วนทิศตะวันตกจรดประเทศไนเจอร์ - วิกิพีเดีย

อันดับ 2 เมืองบังกี สาธารณรัฐแอฟริกากลาง


เมืองบังกี เดิมเป็นที่ตั้งทางการทหารของประเทศฝรั่งเศส และเป็นศูนย์กลางการปกครองนับตั้งแต่ยุคโคโลเนียลจวบจนกระทั่งปัจจุบัน เมืองนี้มีประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 5 แสนคน โดยมีอุตสาหกรรมหลัก คือ สิ่งทอ สบู่ และเบียร์ ที่สำคัญ โบราณสถานซึ่งมีอยู่มากมายทั้งในและรอบนอกเมืองบังกี ยังได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก สาขาวัฒนธรรม จากองค์การยูเนสโก เมื่อปี ค.ศ. 2006 สิ่งที่ทำให้บังกี-ติดอันดับรองแชมป์เมืองไม่น่าอยู่ที่สุดในโลกคือ เหตุการณ์ความไม่สงบและปัญหาความรุนแรงที่มักเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลายาวนานกว่า 20 ปีนั่นเอง
หมายเหตุ - สาธารณรัฐ แอฟริกากลาง เป็นประเทศในแอฟริกากลางที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ทิศเหนือจรดประเทศชาด ทิศตะวันออกจรดประเทศซูดาน ทิศใต้จรดสาธารณรัฐคองโก และสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก ส่วนทิศตะวันตกจรดประเทศแคเมอรูน - วิกิพีเดีย

อันดับ 1 เมืองแบกแดด สาธารณรัฐอิรัก


แบกแดด เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศอิรัก ทั้งยังเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกอาหรับ (รองจากไคโร) และใหญ่เป็นอันดับสองในเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ (รองจากกรุงเตหะราน) มีประชากรอาศัยในเขตเมืองมากกว่า 6.5 ล้านคน เมืองแบกแดด ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางด้านวิทยาการและวัฒนธรรม เพราะได้รับมรดกด้าน ตัวเลข ตัวอักษร ดวงดาว โหราศาสตร์ และการแพทย์ มาจากรุ่นบรรพบุรุษที่ผ่านมามักเกิดสงครามและเหตุการณ์ไม่สงบบ่อยครั้งในเมืองแบกแดด (ล่าสุดเมื่อไม่นานมานี้ สมาชิกรัฐสภาอิรัก เพิ่งถูกลอบยิงเสียชีวิต) แม้เหตุการณ์ต่างๆ จะเริ่มเบาบางลง แต่การโจมตีที่เกิดขึ้นเป็นระยะ จนดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ ทำให้เมืองนี้ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่ไม่น่าอยู่อาศัยที่สุดในโลก จากผลการสำรวจของ Mercer
หมายเหตุ - อิรัก เป็นประเทศในแถบตะวันออกกลาง ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ มีพื้นที่ครอบคลุมส่วนใหญ่ของเมโสโปเตเมีย มี พรมแดนร่วมกับซาอุดีอาระเบียและคูเวตทางด้านทิศใต้ ติดตุรกีทางด้านทิศเหนือ ติดกับซีเรียทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ติดกับจอร์แดนทางทิศตะวันตก และติดอิหร่านทางด้านทิศตะวันออก

ที่มา : http://10อันดับ.blogspot.com/2009/09/10.html

;;